วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Line : วิธีออกจากระบบ (Logout) LINE บนมือถือ Android

    ไลน์(LINE) คือโปรแกรมแชทประเภทหนึ่งที่สามารถรับส่งได้ทั้งข้อความ รูปภาพ ไฟล์ รวมถึง วีดีโอคอล และในปัจจุบันนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมียอดผู้ใช้งานกว่า 560 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งถือว่าเยอะมากเลยทีเดียว เนื่องจากมีรูปแบบในการใช้งานเรียบง่าย สามารถเรียนรู้วิธีและเทคนิคการใช้ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถใช้ในระบบปฎบัติการได้หลายชนิด ได้แก่ แอคเคาท์ ไอโอเอส วินโดว์ แถมยังสามารถโหลดโปรแกรมมาใช้บนพีซีได้อีกด้วย  ต่อมาพูดถึงการสมัครแอคเคาท์ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ท่านมีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และเบอร์โทรศัพท์ก็สามารถทำการสมัครได้เลย(ซึ่งเมื่อมีโทรศัพท์ก็ย่อมต้องมีเบอร์โทรศัพท์อยู่แล้วใช่ไหมครับ ) จากนั้นเมื่อเรามีไอดีไลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถลงทะเบียนอีเมลล์เพื่อนำไปใช้ล็อกอินในอุปกรณ์อื่นๆได้อีกด้วย  แต่บางคนอาจสงสัยว่าเมื่อล็อกอินไลน์ในมือถือแล้วสามารถออกจากระบบได้หรือไม่ คำตอบคือได้ครับ แต่อาจจะมีขั้นตอนในการปฎิบัติเล็กๆน้อยๆ ดังนี้ครับ

ขั้นตอนการออกจากระบบ LINE บน Android
1.กดเมนูแล้วเลือกไปที่ "การตั้งค่า"





2.ต่อมาเลือกที่ "ตัวจัดการแอพพลิเคชั่น"




3.เลื่อนหาแอพ LINE จากนั้้นกดเพื่อดูข้อมูล



4.เมื่อเข้าสู้หน้าข้อมูลของไลน์แล้วให้กดเลือกที่ "ลบข้อมูล" ทางแอพพลิเคชั่นจะให้ยืนยันการลบก็ให้กด "ตกลง"




5.เมื่อทำการลบข้อมูลแล้วในส่วนของข้อมูลแอพพลิเคชั่นจะเป็นค่าว่างคือมีข้อมูลเป็น 0 B



6.จากนั้นให้เราไปเข้าแอพพลิเคชั่นไลน์ตามปกติ ก็จะเห็นว่าไลน์ของเราได้ออกจากระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ


7.ข้อควรระวังนะครับ หากเราทำการลบข้อมูลแล้ว ข้อมูลต่างๆที่อยู่ในไลน์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติการแชทหรือรูปภาพต่างๆที่อยู่ในไลน์จะถูกลบไปด้วยนะครับ ดังนั้นก่อนจะลงชื่อออกเราควร Backup ไว้ก่อนนะครับ


ข้อความโดนๆ : ไม่่มีอะไรที่คนอื่นทำได้แล้วเราทำไม่ได้ เพียงแต่เราอาจทำได้ช้ากว่า เมื่อรู้ดังนั้นแล้วเราก็ควรพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นแล้วสักวันสิ่งที่เราทำมันก็จะส่งผลกลับมาหาเราเอง



     


    

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Blogger : วิธีการตั้งโพสล่วงหน้าใน Blogger

     ในบทความนี้จะมาสอนวิธีการตั้ง การโพสบทความล่วงหน้าของบล็อกเกอร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก สามารถทำให้บล็อกของคุณมีการอับเดทอยู่เสมอรวมถึงทำให้คุณบริหารเวลาได้ดีขึ้นอีกด้วย

ขั้นตอนการตั้งโพสล่วงหน้า


1.ทำการเขียนบทความตามปกติ จากนั้นมาเลือกที่เมนู "กำหนดเวลา" (อยู่บริเวณด้านขวามือของเรา)





2.เมื่อกดไปที่กำหนดเวลาแล้ว ให้ติ๊กเลือกที่ "ตั้งค่าวันที่และเวลา" จะปรากฎปฏิทินให้เราเลือกวันที่และตั้งเวลา จากนั้นกดเลือก "เสร็จสิ้น"





3.เมื่อได้ตั้งเวลาโพสล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วในส่วนของเมนู "กำหนดเวลา" จะแสดงวันที่และเวลาที่เราได้ทำการตั้งไว้



4.เมื่อตรวจเช็คเวลาที่ตั้งล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้กด "เผยแพร่"




5.และในส่วนของหน้าที่จัดการบทความจะแสดงการแจ้งเตือนว่า "มีกำหนดการ" ดังรูป



Facebook : วิธีตั้งเวลาโพสล่วงหน้า เฟสบุ๊คแฟนเพจ


     Facebook Fan-page คือ Page ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งของ Facebook ที่มีไว้เพื่อช่วยให้คุณได้สร้างพื้นที่ ไว้สำหรับการแสดงความคิดเห็น หรือรวบรวมคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน รวมทั้งใช้เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้แก่คนทั่วไปได้รับทราบ โดยแยกตัวออกจาก Profile ของตัวเราเอง โดยในการจะโพสข้อความหรือสิ่งต่างๆนั้น เราสามารถกำหนดเวลาโพสล่วงหน้าได้
โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนการตั้งเวลาโพสล่วงหน้า

1.เลือกประเภทขอการโพสได้แก่ ข้อความ รูปภาพหรือกิจกรรม






2.พิมพ์ข้อความหรือเนื้อหาที่ต้องการโพส และสามารถเพิ่มรูปภาพ แสดงความรู้สึกรวมถึงแชร์สถานที่ได้ตามความต้องการ







3.คลิกที่ลูกศรด้านขวาคำว่าโพส แล้วเลือกไปที่ "กำหนดเวลา"



4.จากนั้นทำการตั้งวันที่ และเวลาแล้วกด "กำหนดเวลา" ซึ่งในการตั้งเวลานั้น ต้องกำหนดเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไปและไม่เกิน 6 เดือน






5.เมื่อตั้งวันที่และกำหนดเวลาเสร็จแล้วทาง Facebook Fanpage จะแสดงการแจ้งเตือนให้เห็นดังรูป







6.ในกรณีที่เมื่อเรากำหนดเวลาการโพสไว้แล้ว แต่อยากทำการเปลี่ยนแปลงสามารถทำได้โดยเข้าไปแก้ไขที่เมนู "เครื่องมือเผยแพร่" แล้วเลือก "โพสที่กำหนดเวลาเอาไว้"







วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วิธีการตรวจเช็คและซ่อมเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้า(เครื่องปั่นไฟ)เบื้องต้น ฉบับบ้านๆ


เครื่องกำเนิดไฟฟ้า คืออุปกรณ์ที่แปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า อุปกรณ์ดังกล่าวจะบังคับกระแสไฟฟ้าให้ไหลผ่านวงจรภายนอก แหล่งที่มาของพลังงานกลอาจจะเป็นลูกสูบหรือเครื่องยนต์กังหันไอน้ำ หรือแรงน้ำตกผ่านกังหันน้ำหรือล้อน้ำ หรือเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือกังหันลม หรือข้อเหวี่ยงมือ หรืออากาศอัด หรือแหล่งพลังงานกลอื่นๆ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะจ่ายพลังงานไฟฟ้าเกือบทั้งหมดให้กับกริดพลังงานไฟฟ้า
การแปลงย้อนกลับของพลังงานไฟฟ้ากลับไปเป็นพลังงานกลจะกระทำโดยมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีความคล้ายคลึงกันมาก มอเตอร์หลายตัวสามารถขับเคลื่อนเครื่องจักรเพื่อผลิตไฟฟ้าและบ่อยครั้งที่ได้รับการยอมรับให้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
วิธีการสตาร์ทเครื่อง
1.เช็คน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในเกณฑ์หรือไม่
2.เช็คน้ำมันในถัง
3.ตรวจเช็คหัวเทียน
4.เปิดสวิตให้อยู่ในตำแหน่ง ON
5.เปิดวาล์วน้ำมัน
6.ปิดโช้ค(บิดไปตามเข็มนาฬิกา)
7.ดึงเชือกสตสร์ทที่ด้านข้าง(ก่อนจะกระชากให้ดึงมาให้ตึงมือก่อน)
8.เมื่อเครื่องติดแล้วให้เปิดโช้ค(บิดโช้คทวนเข็มนาฬิกา)
9.เมื่อเครื่องติดและนิ่งแล้วให้เปิดสวิตช์จ่ายไฟ เพื่อนำไฟไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ
โดยปกติแล้วการสตาร์ทเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้า จะมีวิธีคล้ายๆกันแต่อาจจะมีผิดแปลกไปก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคล


วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

ข้อห้ามทางไสยศาสตร์ 22 ข้อห้ามทำ

1.ห้ามผิวปากเวลากลางคืนเชื่อว่าจะโดนคุณไสยที่ล่องลอยอยู่
2.ห้ามโพกหัวหรือสวมหมวกในวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าหัวจะล้าน
3.ห้ามบ้วนน้ำลายลงโถส้วมเชื่อว่าวาจาจะเสื่อม
4.ห้ามนั่งบนขั้นบันไดเพราะผีบ้านผีเรือนไม่ชอบ
5.ห้ามนั่งบนหมอนเชื่อว่าคาถาจะเสื่อม
6.ห้ามเล่าความฝันในขณะทานข้าวเชื่อว่าแม่โพสพท่านไม่ชอบ
7.ห้ามเดินข้ามหนังสือเพราะเชื่อว่าจะเรียนไม่จำ
8.ห้ามนุ่งผ้าเปียกเข้าบ้านเพราะเชื่อว่าผีไม่กลัวและจะทำให้ปวดท้อง
9.ห้ามหญิงมีครรภ์ห้ามไปงานศพ เพราะจะมีวิญญาณติดตามมา
10.ห้ามดมดอกไม้ที่จะนำไปถวายพระเชื่อกันว่าจมูกจะเป็นไซนัสหรือริดสีดวงจมูก
11.ห้ามหลับเวลาฟังพระเทศเชื่อว่าชาติหน้าจะเกิดเป็นงู
12.ห้ามเอาของคืนเมื่อให้ผู้ใดไปแล้วเชื่อว่าจะเป็นเปรต(นอกจากให้ยืม)
13.ห้ามกวาดขยะกลางคืนเชื่อว่าผีไม่คุ้มและกวาดทรัพย์ออกหมด
14.ห้ามตัดเล็บกลางคืนเชื่อว่าอายุจะสั้น
15.ห้ามลอดไม้ค้ำต้นกล้วยและไม้ค้ำบ้านและห้ามลอดราวผ้าและห้ามลอดใต้แขนคนอื่นเพราะจะทำให้ของเสื่อม
16.อย่าให้ใครข้ามหัวเพราะจะทำให้อาคมเสื่อมและของทุกอย่างเสื่อม
17.ห้ามด่าแม่ผู้อื่นเพราะสาริกาลิ้นทองจะเสื่อม
18.คนสักยันต์ห้ามกินฟักแฟงบวบน้ำเต้าและปลาไม่มีเกล็ดเพราะเชื่อว่าหนังจะไม่เหนียว
19.หากไปในที่สถานที่แปลกๆห้ามทักเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆเพราะเชื่อกันว่านั่นคือคุณไสยหรือของไม่ดีหากใครทักจะเข้าตัวทันที
20.ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกเพราะเชื่อว่าวิญญาณจะออกจากร่าง(อีกอย่างหนึ่งเป็นทิศที่หันหัวของคนตาย)
21.ห้ามขึ้นบ้านวันเสาร์ เผาศพวันศุกร์ โกนจุกวันอังคาร แต่งงานวันพุธ เพราะเป็นอัปมงคล
22.ห้ามเคาะจานข้าวเวลารับประทานอาหาร โบราณท่านถือว่า ห้ามเคาะจานข้าวเพราะจะเป็นการเรียนวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าวกินอาหารคาวหวานท่านต้องเคยเห็นเวลาเราไหว้ศพหรือไหว้วันสำคัญ เราจะจัดชุดสำหรับพวกผีไม่มีญาติและทำพิธิเรียกมากิน โดยใช้การเคาะถ้วยชาม ดังนั้นผู้ใหญ่จึงถือมาก ห้ามลูกหลานเคาะจานชามเวลากินข้าว

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

ประวัติความเป็นมาวันสงกรานต์


     สงกรานต์ซึ่ง เป็นประเพณีของประเทศไทย  สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึง การผ่าน หรือ การเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี


     โดยการนับ ระยะเวลาที่เส้นทางของ ดวงอาทิตย์โคจรผ่านกลุ่มดาวฤกษ์จักราศีทั้ง 12 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มดาวราศี เมษ พฤษภ เมถุน กรกฎ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พิจิก ธนู มังกร กุมภ์ และ มีน การโคจร ผ่านกลุ่มดาวแต่ละกลุ่ม จะใช้ระยะเวลา ประมาณ 30 วัน เมื่อ ดวงอาทิตย์โคจรผ่าน กลุ่มดาว เหล่านี้ครบทั้ง 12 กลุ่ม ก็จะได้ระยะเวลา 1 ปี พอดี เป็นวิธีการนับเดือนที่ใช้กันใน ประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจาก อินเดียเช่น ไทย พม่า เขมร ลาว เป็นต้น

วันมหาสงกรานต์ 13 เมษายน

     วันที่ 13 เมษายน เป็นวัน"มหาสงกรานต์" หรือ วันเริ่มต้นปีใหม่ ทั้งนี้เป็นเพราะเป็นจากช่วงเวลาที่ดวง อาทิตย์โคจรผ่านจากราศีมีนเข้าสู่ ราศีเมษนั้น  โลกโคจรเป็นมุมฉากกับดวงอาทิตย์ จึงมีกลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันพอดี วันสงกรานต์เป็นวันทำบุญใหญ่ประจำปี มี 3 วันคือ  วันมหาสงกรานต์หรือวันส่งท้ายปีเก่า (วันที่ 13 เมษายน)  วันกลางหรือวันเนา (วันที่ 14 เมษายน) วันขึ้นปีใหม่ หรือวันเถลิงศก (วันที่ 15 เมษายน) 

      หรือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของประเทศไทยและบางประเทศในเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ และชาวต่างประเทศจะเรียกว่าเทศกาลนี้ว่า “สงครามน้ำ” สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมาย ถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี เมื่อวันสงกรานต์ตรงกับวันใดของแต่ละปี ซึ่งจะมีนางสงกรานต์ประจำวันนั้นๆ
      

ชื่อของนางสงกรานต์

     ชื่อของนางสงกรานต์มี ดังนี้  วันอาทิตย์ ชื่อนางทุงษะเทวี วันจันทร์ชื่อนางโคราคะเทวี วันอังคารชื่อนางรากษสเทวี วันพุธชื่อนางมณฑาเทวี วันพฤหัสชื่อนางกิริณีเทวี วันศุกร์ชื่อนางกิมิทาเทวี วันเสาร์ชื่อนางมโหธรเทวี


ความหมายวันมหาสงกรานต์ของแต่ละวัน
    ถ้าปีใดวันมหาสงกรานต์เป็นวันอาทิตย์ ปีนั้นไร่นาเรือกสวน เผือกมัน มิสู้แพงแล วันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ จะแพ้เสนาบดี ท้าวพระยาและนางพระยาทั้งหลาย
    วันอังคารและวันเสาร์ เป็นวันมหาสงกรานต์  จะเกิดอันตรายกลางเมือง จะเกิดเพลิงและโจรผู้ร้าย และจะเจ็บ ไข้นักแล วันพุธ เป็นวันมหาสงกรานต์ ว่าท้าวพระยาจะได้เครื่องบรรณาการมาแต่ต่างเมือง แต่จะแพ้ลูกอ่อนนักแล
    วันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ จะแพ้ข้าไท พระสงฆ์ราชาคณะจะได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจกันแล
    วันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ ข้าวน้ำ ลูกหมากรากไม้ทั้งหลายจะอุดม แต่จะแพ้เด็ก ฝนและพายุชุม จะเจ็บตากันมากนักแล








วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

ค่านิยมหลัก 12 ประการ


1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม

3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์

4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม

5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม

6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน

7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง

8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่

9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของ พระบาท

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่าย

จำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี

11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออ านาจฝ่ายต่ า หรือกิเลส มีความ

ละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา

12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง